วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555

การเลือกเครื่องฟอกอากาศเพื่อลมหายใจที่สดชื่น

เมื่อสภาวะอากาศที่แปรปรวน ประกอบกับมลพิษทางอากาศที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในโลกของเรา และแน่นอนว่า บ้านที่เราๆ ท่านๆ อยู่ทุกวันนี้ ก็หนีไม่พ้นปัญหามลภาวะทางอากาศแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะบ้านในเขตกรุงเทพฯ และตามจังหวัดใหญ่ๆ ที่มีผู้คนและรถราอยู่กันอย่างหนาแน่น ด้วยเหตุนี้เอง จึงมีผู้คิดค้นเครื่องฟอกอากาศภายในบ้านเพื่อให้อากาศในบ้านนั้นน่าหายใจกว่าอากาศภายนอก แต่ทุกวันนี้มีเครื่องฟอกอากาศออกจำหน่ายมากมาย หลายยี่ห้อ หลายชนิด ความยากจึงอยู่ที่ว่า แล้วเจ้าเครื่องไหนล่ะ ที่จะเหมาะสมที่สุด ในการนำมาวางไว้ในบ้านของเรา

รู้จักอากาศในบ้าน

อากาศภายในบ้านเรานั้น โดยปกติแล้วจะมีฝุ่นละอองและควันน้อยกว่าอากาศภายนอก ที่มีทั้งตัวไรฝุ่น ควัน ละอองเกสรดอกไม้ สปอร์เชื้อรา แบคทีเรีย ไวรัส เรดอน แร่ในหิน และกลิ่นต่างๆ มากมาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอากาศภายในบ้านจะมีสิ่งปนเปื้อนน้อยจนอยู่ในระดับปลอดภัย เพราะละอองรวมถึงแบคทีเรียจะมีผลต่อผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้และโรคในระบบทางเดินหายใจ อีกหลายอย่าง โดยอากาศเหล่านี้จะเข้ามาทางประตู หน้าต่าง และตกลงสู่พื้นห้อง หากห้องนั้นไม่สามารถระบายให้อากาศผ่านไปอีกด้านได้ อากาศบริสุทธิ์ที่แท้จริงคืออากาศที่ไม่มีฝุ่นผง หรือสิ่งปลอมปนภายในอากาศเลย

การติดเครื่องฟอกอากาศ

ธรรมชาติของอากาศที่หมุนเวียนภายในห้องนั้นมีปริมาณอากาศจำนวนมาก และแน่นอนว่าเจ้าเครื่องฟอกอากาศเครื่องเล็กนิดเดียวไม่สามารถทำหน้าที่กรองอากาศ ดักฝุ่น เชื้อโรค เชื้อราในอากาศได้หมดอย่างแน่นอน ดังนั้น การติดเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสม ควรเป็นห้องที่สามารถปิดมิดชิดได้ เพื่อให้เครื่องฟอกอากาศทำงานได้อย่างเต็มที่ เราลองนึกภาพว่าอากาศเป็นน้ำปริมาณมหาศาลในห้อง แล้วเครื่องปรับอากาศเป็นเครื่องทำให้น้ำเหล่านั้นสะอาด หากน้ำนิ่งๆ เครื่องก็จะทำงานได้เต็มที่ แต่หากน้ำนั้นมีการหมุนเวียนไปมาหรือมีอากาศนำฝุ่นผงเข้ามาอีกเรื่อยๆ เครื่องฟอกอากาศก็จะไม่มีกำลังเพียงพอที่จะดักกรองฝุ่นเหล่านี้ให้สะอาดขึ้น

หลักการทำงานของเครื่องฟอกอากาศ

เครื่องฟอกอากาศทำงานโดยอาศัยหลักการง่ายๆ โดยเน้นไปที่เทคโนโลยีแผ่นกรองอากาศประสิทธิภาพสูง บางยี่ห้อโฆษณาว่าสามารถดักอนุภาคที่เล็กได้ถึง 0.01 ไมคอน หรือ 1 ใน 10,000 ส่วนของเส้นผมมนุษย์ ซึ่งอนุภาคเล็กขนาดนี้สามารถดักพวกเชื้อแบคทีเรียที่ลอยมากับอากาศได้เลยทีเดียว แต่แน่นอนว่า เครื่องฟอกอากาศยิ่งใช้แผ่นกรองอากาศประสิทธิภาพสูงมากก็ยิ่งกินไฟมาก เพราะต้องใช้แรงดูดอากาศมากกว่าเครื่องที่ใช้แผ่นกรองทั่วไป หลังจากผ่านแผ่นกรองอากาศและก็ต้องเข้าสู่ส่วนดักกลิ่น ที่สามารถกรองกลิ่นต่างๆ ด้วยแผ่นกรองคาร์บอนกัมมันต์ ที่มีพื้นที่ผิวในการกรองมากถึง 300 เท่าของสนามฟุตบอลในการดักจับกลิ่น อัดอยู่ในพื้นที่ไม่กี่ตารางนิ้ว

ต่อมา ด้วยเทคโนโลยีที่สูงขึ้นและข้อจำกัดของเครื่องฟอกอากาศรุ่นเดิม จึงมีผู้ผลิตคิดค้นเทคโนโลยี โดยเพิ่มการปล่อยกระแสไฟฟ้านี้เป็นประจุบวก เมื่อมาเจอกับฝุ่นละอองในอากาศที่เป็นประจุลบ จะเกิดแรงดึงดูดให้ฝุ่นนั้นตกลงสู่พื้นเร็วขึ้น รวมทั้งประจุไฟฟ้าอ่อนๆ นั้นสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อโรคในอากาศบางชนิดได้ ซึ่งเราจะเห็นเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ในเครื่องปรับอากาศ ที่ใส่ระบบกรองอากาศเหล่านี้ลงไปด้วย อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อถกเถียงกันอยู่บ้างว่า การปล่อยประจุไฟฟ้าออกมาจะมีผลเสียต่อเซลล์เนื้อเยื่อของมนุษย์หรือไม่ เนื่องจากยังไม่มีผลการวิจัยที่แน่ชัดออกมา

การเลือกเครื่องฟอกอากาศที่ดี

1. เครื่องฟอกอากาศที่ดีควรมี 2 ระบบในตัวเดียวกัน คือ มีทั้งความสามารถในการกรองฝุ่นชั้นอนุภาคใหญ่ๆ ในชั้นแรก และปล่อยประจุไฟฟ้าเพื่อดักฝุ่นในห้องให้ตกลงสู่พื้นอีกชั้นหนึ่งและควรกรองกลิ่นได้ในระดับหนึ่ง

2. มีแรงมากพอที่จะดูดอากาศโดยรอบ เพื่อดักฝุ่นและปล่อยอากาศสะอาดออกมา ด้วยแรงลมที่ไม่เบาจนเกินไปนัก
เครื่องฟอกอากาศ
3. สอบถามและหาข้อมูลของแผ่นกรองอากาศให้ดี ว่าสามารถกรองอนุภาคได้ขนาดไหน นอกจากนี้ ควรดูความยากง่ายในการทำความสะอาดและราคาแผ่นกรองใหม่ ในกรณีที่แผ่นกรองหมดอายุใช้งาน

4. หากเป็นเครื่องฟอกอากาศอย่างเดียว ควรกินไฟไม่เกิน 20 – 50 วัตต์

5. มีเสียงรบกวนเวลาเครื่องทำงานน้อยที่สุด เพราะส่วนมากเราจะใช้เครื่องฟอกอากาศในห้องนอนเวลากลางคืนมากที่สุด

6.สุดท้ายแล้ว ควรจะมีการดูแลหลังการขายและการรับประกันสินค้าที่ดีด้วย เพราะเครื่องฟอกอากาศเป็นอุปกรณ์ที่ต้องทำความสะอาดและดูแลรักษาเป็นประจำ ไม่เช่นนั้นแล้วเครื่องฟอกอากาศอาจจะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคนานาชนิดได้

การใช้งานและดูแลเครื่องฟอกอากาศ

เครื่องฟอกอากาศถือว่าเป็นอุปกรณ์ราคาแพงที่ต้องการการดูแลรักษาอยู่เสมอ เพื่อประสิทธิภาพในการทำงานตลอดเวลา

1. สำหรับเครื่องฟอกอากาศที่ใช้แผ่นกรองเพียงอย่างเดียงควรปิดห้องให้เครื่องทำงานก่อนสัก 1 – 2 ชั่วโมง ให้อากาศในห้องดีขึ้นก่อนเข้าไป

2. เครื่องฟอกอากาศแบบปล่อยประจุไฟฟ้าในอากาศแม้ว่าราคาจะแพงกว่าเครื่องอื่น แต่ก็เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลทำความสะอาดเครื่องฟอกอากาศมากนัก อีกทั้งการดูแลรักษายังง่ายกว่าแบบอื่น

3. ดูแลทำความสะอาดหรือเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศอย่างน้อยทุก 2 เดือน โดยการล้างเป่า ตากแดด เพื่อฆ่าเชื้อโรค หากเป็นกรองพิเศษที่ไม่สามารถล้างได้ด้วยน้ำควรทำความสะอาดตามคู่มือที่ระบุไว้ หรือติดต่อไปยังตัวแทนจำหน่าย

แม้ว่าเครื่องฟอกอากาศจะดูไม่จำเป็นนักสำหรับชีวิตในปัจจุบัน แต่อย่างน้อยในช่วงเวลาหนึ่ง เราก็น่าจะได้สูดอากาศสะอาดๆ ด้วยเครื่องฟอกอากาศเล็กๆ เพื่อสุขภาพ ก่อนที่จะออกไปใช้ชีวิตกลางเมือง ที่มีแต่สิ่งบั่นทอนสุขภาพกายใจ แต่ถ้าจะให้ดี วันหยุดยาวนี้ก็น่าจะออกไปสูดอากาศต่างจังหวัด จะดีกว่าเป็นไหนๆ ครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น